พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว. เฉพาะกรณีฟอกเงินว่า ได้ให้นโยบายต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไปแล้วว่าให้ใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน 3 เดือน เพราะมีการสอบมานานแล้ว จากการสอบสวนพยานสามารถเชื่อได้ว่ามีเงินสะพัดในการเลือก สว. ครั้งนี้กว่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งการจ่ายเงินเป็นช่วง ๆ เมื่อมีพยานจึงถือมูลฐานอันเชื่อได้ที่ประชุมจึงมีมติรับเป็นคดีพิเศษตามกฎหมายฟอกเงิน
ส่วนความผิดฐานอั้งยี่ การได้มาซึ่ง สว. หรือการฮั้ว และความผิดอื่น ๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 (3) ที่มีการร้องทุกข์ไว้ หากมีความเชื่อมโยงก็ให้ถือเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตอนนี้ DSI มีพยานประมาณ 7,000 คน ซึ่งเป็นผู้ที่เข้าไปในพื้นที่การเลือก สว. ระดับประเทศ ที่เมืองทองธานี ถึง 3,000 คน
"เราก็จะดูพยานหลักฐานนี้ โดยได้ส่งหนังสือขอให้พนักงานอัยการร่วมสอบสวนด้วย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพิสูจน์ความผิด ไม่ต้องห่วง" รมว.ยุติธรรม ระบุ
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการใช้เงินจูงใจให้เลือก สว. เข้าข่ายเป็นการซื้อเสียง ซึ่งอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอนนี้ DSI พยายามล้วงลูก กกต. ด้วยการอ้างกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ไม่ใช่ โดยได้ยกกรณีเหมือนบริษัทหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งมีความผิดหลายกรรม แต่กรณีนี้เป็นความผิดอั้งยี่ มีการสมคบกันกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งถือเป็นหนึ่งความผิดแล้ว
"เราไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจเขา ตราบใดที่เขายังไม่ยกเลิก DSI และตำรวจเข้าไปร่วมสืบสวนคดีฮั้วเลือก สว. เราก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานให้ เพราะอำนาจของกกต. คือการเดินหน้าถอดถอนบุคคลที่ได้ซึ่งตำแหน่ง สว.โดยมิชอบ" พ.ต.อ.ทวี ระบุ