ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.57/62 แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าตามทิศทางภูมิภาค ก่อนหยุดยาว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 11, 2025 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.57/62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 33.79 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.55 - 33.72 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ปัจจัยจากแรงซื้อขาย จากความกังวลมาตรการภาษีระหว่างจีน- สหรัฐฯ และราคาทองคำที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮระหว่างวัน

สำหรับคืนนี้ตลาดรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพุธไว้ที่ 33.00 - 35.00 บาท/ดอลลาร์ โดยให้กรอบกว้าง เนื่องจากประเทศไทยหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 142.25/35 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 143.62 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1395/1406 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1291 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,128.66 จุด ลดลง 5.29 จุด (-0.47%) มูลค่าซื้อขาย 34,692.72 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,138.68 ล้านบาท
  • นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย เพื่อประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวไทย โดยย้ำ
ต่อที่ประชุมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับการท่องเที่ยวในมิติอื่น ๆ มากขึ้น และตั้งเป้าหมายให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับ
มาอยู่ในระดับก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เมื่อปี 62
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 68 จะเติบโตชะลอลงเหลือ 1.5% (เดิม
2.4%) จากทั้งสงครามการค้าและแผ่นดินไหว รวมทั้งประเมินคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มลด
ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 3 ครั้งไปอยู่ที่ 1.25% ณ สิ้นปี 68 (เดิม 1.50%) เพื่อดูแลเศรษฐกิจที่ชะลอลงมากภายใต้ความ
ไม่แน่นอนสูง
  • อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ มีแผนเชิงรุกในการปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวังฯ ให้สอด
คล้องกับสถานการณ์ทางการค้าจากเดิม 49 รายการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิดอีก
9 กลุ่มสินค้า ซึ่งคาดว่าจะมีการทะลักเข้าไทย และมีแนวโน้มการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้า เช่น เหล็ก ลวดทองแดง และอะลูมิเนียม เป็น
ต้น เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย
  • จีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็น 125% มีผลตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป (12 เม.ย.) จากเดิม 84% ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อ
วานนี้ อย่างไรก็ดี จีนได้ส่งสัญญาณว่า นี่อาจเป็นการปรับขึ้นภาษีครั้งสุดท้ายในขณะนี้ เนื่องจากภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นั้น
สูงจนทำให้การค้าของทั้งสองชาติเป็นไปได้ยากแล้ว
  • ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ผู้แทนด้านการคลังและผู้แทนจากธนาคารกลางของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ได้ร่วมประชุม
หารือถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค
  • กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยวันนี้ว่า ทางการจีนได้ดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ผ่านกลไก
ระงับข้อพิพาทอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรกับสินค้าจีนครั้งล่าสุด
  • ผู้นำจีนเรียกร้องให้จีนและ EU แบกรับภาระความรับผิดชอบในเวทีโลก ร่วมมือกันพิทักษ์รักษาโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและ
บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศ พร้อมทั้งร่วมกันต่อต้านการใช้อำนาจบาตรใหญ่เพียงฝ่ายเดียว
  • รัฐมนตรีคลังจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) มีกำหนดประชุมกันในวันนี้ เพื่อวางแผนผลักดันให้บรรลุข้อตกลงการค้า
กับสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 90 วันที่ได้รับการผ่อนผันกำแพงภาษี รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือหากการเจรจาล้มเหลว
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าววานนี้ว่า แม้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่

ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรนั้น อาจทำให้เฟดเลื่อนเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ