นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ช่วงบ่ายวันนี้ ว่า จะเป็นการติดตามผลกระทบของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดพันธบัตร อัตราแลกเปลี่ยน พร้อมทั้งขอความเห็นจาก ธปท.ว่ามีความเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไร และมองถึงมาตรการที่จะมีขึ้นอย่างไรบ้าง
ขณะเดียวกัน จะได้บอกเล่าถึงแนวทางที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยมองว่าไทยต้องติดตามสถานการณ์อย่างตลอด แม้ว่าปัจจุบันตลาดการเงินค่อนข้างนิ่ง การบริหารตลาดเงินของไทยไม่ได้หวือหวาอยู่แล้ว เพราะเงินที่ไหลเข้ามาก็ต้องมารวมที่ศูนย์กลาง ในขณะที่ประเทศอื่น เทขายเงินกันหมด แต่ของไทยยังผูกติด และให้ความเชื่อมั่นกับสหรัฐฯ อยู่
"เราต้องมีการเตรียมตัวระดับมหภาค ในช่วงบ่ายนี้จะมีการหารือกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ และจะขอฟังความเห็นจากผู้ว่าฯ แบงก์ชาติว่ามีมุมมองอย่างไรต่อเรื่องนี้ หรือมีมาตรการอะไรบ้างที่จะดูเรื่องนี้ ส่วนผมก็จะเล่าว่าภาครัฐจะทำอะไรบ้าง เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันเป็นทีม" นายพิชัย ระบุ
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดที่จะนำทุนสำรองทางการระหว่างประเทศออกมาใช้ในสถานการณ์นี้ เพราะโดยหลักจะต้องใช้เป็นตัวหนุนหลังการนำเข้าและส่งออก โดยในเรื่องนี้รัฐบาลมีหน้าที่สร้างสมดุลทางการค้า ส่วนการบริหารค่าเงิน เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ และจะการแทรกแซงค่าเงินอย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเปิดเผยกัน
"ถ้าให้ผมพูดในฐานะพ่อค้าส่งออก แน่นอนว่า ย่อมคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่ได้สั่งให้ดำเนินการในทิศทางใด เป็นเพียงการหารือและติดตามสถานการณ์ โดยยอมรับว่าการประกาศนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไปขณะหนึ่ง ประเทศหยุด เพื่อรอดูสถานการณ์ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ ที่เพิ่งออกไป ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะตลาดชะงัก เช่น การปล่อยสินเชื่อ การนำเข้า ส่งออก แต่มองว่าจากนี้ค่อย ๆ คลี่คลายแล้ว" นายพิชัยกล่าว
สำหรับการลดดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 30 เม.ย.นี้ จะช่วยได้หรือไม่นั้น นายพิชัย หัวเราะ และกล่าวเพียงว่า "ธนาคารแห่งประเทศไทยคงต้องมอนิเตอร์ใกล้ชิด"
ทั้งนี้ รมว.คลัง คาดว่าน่าจะได้พูดคุยกับสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งทีมไทยแลนด์จะเริ่มทยอยเดินทางไปตั้งแต่ในวันที่ 17 เม.ย.