คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โดยกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับที่รุนแรงขึ้น
อุเอดะได้แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นในวันนี้ (9 เม.ย.) ว่า BOJ จะจับตาผลกระทบของมาตรการภาษีที่มีต่ออุตสาหกรรมและการบริโภคภายในประเทศญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด และ BOJ จะทำการตัดสินใจ "อย่างเหมาะสม" ว่าควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อหรือไม่
มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วในวันนี้ (9 เม.ย.) โดยมุ่งเป้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ขณะที่ญี่ปุ่นถูกเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตรา 24%
BOJ ซึ่งตั้งเป้าที่จะปรับนโยบายการเงินสู่ระดับหลังจากดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินมาเป็นเวลานานหลายปีนั้น จะจัดการประชุมระยะเวลา 2 วันตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ส่วนในการประชุมเดือนม.ค.ปีนี้ คณะกรรมการ BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี จากประมาณ 0.25%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่น และ BOJ จะจัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงอย่างหนักภายหลังจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้
อัตสึชิ มิมูระ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการรประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการคลัง สำนักงานบริการด้านการเงิน และ BOJ
ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดร่วง 1,298.55 จุด หรือ -3.93% สู่ระดับ 31,714.03 จุดในวันนี้ หลังจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ โดยมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ ขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% ที่เรียกเก็บกับสินค้าจากทุกประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ นั้น มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.