ชอง อิน-คโย ทูตการค้าระดับสูงของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ (10 เม.ย.) ว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ได้เปิดทางให้มีการเจรจา ในขณะที่เกาหลีใต้กำลังพยายามเจรจาลดอัตราภาษีนำเข้า
ชองเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ 25% กับสินค้านำเข้าของเกาหลีใต้
กระทรวงการค้าของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ชองได้พบกับเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับการลดภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากเกาหลีใต้ และได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาษีดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ทรัมป์ได้กลับลำด้วยการประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ที่เพิ่งประกาศเก็บกับหลายสิบประเทศ แต่ยังคงเดินหน้าเก็บภาษีตอบโต้จากจีนเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อจีนให้มากขึ้น
การระงับเก็บภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วันของทรัมป์ จะทำให้ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ซึ่งจะได้รับเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนมิ.ย. ต้องเผชิญกับภารกิจที่หนักหน่วงในการเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่พึ่งพาการส่งออก
ชองมองว่า การระงับเก็บภาษีตอบโต้ของทรัมป์ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการหารือกับสหรัฐฯ อย่างรวดเร็วเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงต้องพิจารณาเกี่ยวกับการส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังจีน และผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ชเว ซัง-มก รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ประเมินว่า แรงกดดันจากภาษีศุลกากรได้ถูกลดลงในระดับหนึ่ง หลังจากที่มีข่าวว่า สหรัฐฯ ระงับการเก็บภาษีตอบโต้ชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงเก็บภาษีพื้นฐาน (Base Tariff) ในอัตรา 10% สำหรับสินค้าจากทุกประเทศ และยังมีภาษี 25% สำหรับรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ซึ่งล้วนเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของเกาหลีใต้