แอร์เมส (Hermes) บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส เจ้าของแบรนด์กระเป๋าถือสุดหรู Kelly และ Birkin ยืนยันในวันนี้ (17 เม.ย.) ว่า บริษัทจะปรับขึ้นราคาสินค้าทุกรายการที่จำหน่ายในสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากการปรับราคาตามปกติประจำปีที่ราว 6-7% ในปีนี้ เพื่อผลักภาระต้นทุนที่เกิดจากกำแพงภาษีในสหรัฐฯ ทั้งหมดไปยังลูกค้า
ทั้งนี้ มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจรวมถึงการเรียกเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังจากยุโรป และสูงถึง 31% สำหรับนาฬิกาที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ หากบังคับใช้เต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้สั่งชะลอการขึ้นภาษีส่วนใหญ่ไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยกำหนดอัตราภาษีทั่วไปไว้ที่ 10% แทน
เอริค ดู อัลกูเอต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกล่าวว่า แอร์เมสจะชดเชยผลกระทบจากภาษีใหม่เหล่านี้อย่างเต็มที่ ด้วยการปรับขึ้นราคาขายในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ โดยครอบคลุมสินค้าทุกกลุ่มของบริษัท
แอร์เมสรายงานยอดขายในช่วงสามเดือนที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค. แตะ 4.1 พันล้านยูโร (4.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นการเติบโตที่ 7% เมื่อคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ อย่างไรก็ดี ผลงานดังกล่าวยังถือว่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตถึง 9.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นการชะลอตัวลงจากอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงถึง 18% ในไตรมาสก่อนหน้า
แอร์เมสยังคงจำกัดปริมาณการผลิตอย่างรัดกุม โดยยึดมั่นในนโยบายเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 6-7% ต่อปี ซึ่งกลยุทธ์นี้เองที่ช่วยเสริมสร้างมนต์ขลังแห่งความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสินค้าเครื่องหนังของแบรนด์ ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นดอลลาร์สหรัฐ
ดู อัลกูเอต์กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่เดือนเม.ย. บริษัทฯ ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่เติบโตในระดับเลขสองหลัก พร้อมทั้งระบุว่า บริษัทยังคงจับตามองสถานการณ์ในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด จากประเด็นการเจรจาต่าง ๆ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสร้างความผันผวนอย่างหนักให้กับตลาดการเงิน