ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินเมื่อวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) ว่า กูเกิล (Google) ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดด้วยการผูกขาดตลาดโฆษณาดิจิทัลบนเว็บแบบเปิด (open-web) ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อีกครั้งของบริษัทในคดีฟ้องร้องต่อต้านการผูกขาด
ศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกของเวอร์จิเนีย ระบุว่า บริษัทได้สร้างความเสียหายต่อลูกค้าผู้เผยแพร่เนื้อหา (publisher) บนกูเกิล รวมถึงกระบวนการแข่งขัน และผู้บริโภคข้อมูลบนเว็บ
พาเมลา บอนดี อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ แถลงว่า "นี่คือชัยชนะครั้งสำคัญของการต่อสู้ที่ยังไม่จบลง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้กูเกิลผูกขาดพื้นที่สาธารณะดิจิทัล"
แอบิเกล สเลเตอร์ ผู้ช่วยอัยการสูงสุดแผนกต่อต้านการผูกขาด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวว่า การครอบงำโดยมิชอบด้วยกฎหมายของกูเกิลทำให้กูเกิลสามารถเซนเซอร์และกระทั่งปิดปากชาวอเมริกันได้ ขณะเดียวกัน กูเกิลก็ได้ทำลายและปกปิดข้อมูลที่แสดงถึงพฤติกรรมอันมิชอบด้วยกฎหมายของบริษัทเอง
"คำตัดสินในวันนี้เป็นเครื่องยืนยันว่ากูเกิลมีอำนาจควบคุมโฆษณาออนไลน์ไปจนถึงโลกอินเทอร์เน็ตด้วย" สเลเตอร์กล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กูเกิลยืนยันที่จะยื่นอุทธรณ์ โดยลี-แอนน์ มัลฮอลแลนด์ รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของกูเกิลได้แย้งว่า ผู้เผยแพร่เนื้อหามีทางเลือกมากมาย และพวกเขาเลือกกูเกิลเพราะเครื่องมือโฆษณาของกูเกิลใช้งานง่าย ราคาจับต้องได้ และมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตัดสินว่ากูเกิลมีส่วนร่วมในกิจกรรมผูกขาดที่ผิดกฎหมาย โดยเมื่อเดือนส.ค. 2567 ศาลแขวงสหรัฐฯ ประจำเขตโคลัมเบียในกรุงวอชิงตันดีซี ได้ตัดสินว่ากูเกิลผูกขาดตลาดเสิร์ชเอนจินอย่างผิดกฎหมาย