นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ของกัมพูชา ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของกลุ่มต่อต้านในต่างประเทศที่ว่ากัมพูชากำลังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจีนและกำลังแยกตัวออกจากสหรัฐฯ พร้อมกับเน้นย้ำว่า กัมพูชาดำเนินนโยบายต่างประเทศเป็นกลาง รักษาความสัมพันธ์กับทุกประเทศ และเลือกความร่วมมือไม่ใช่การเผชิญหน้า
ถ้อยแถลงของนายกฯ กัมพูชามีขึ้นในระหว่างพิธีเปิดท่าเรือท่องเที่ยวนานาชาติกัมปอต เมื่อวันที่ 21 เมษายน โดยเขาชี้ว่านักวิเคราะห์ต่างชาติตีความผิดเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมระหว่างกัมพูชาและจีน ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อวันที่ 17-18 เมษายนที่ผ่านมา
"หลักฐานที่ว่ากัมพูชายอมให้จีนควบคุมประเทศอยู่ที่ไหน ในเมื่อเนื้อหาของแถลงการณ์ระบุอย่างชัดเจนว่าจีนเคารพอธิปไตยและเอกราชของกัมพูชา" นายกฯ กัมพูชา กล่าว
ระหว่างการเยือนของประธานาธิบดีสี มีการลงนามข้อตกลง 37 ฉบับครอบคลุมหลายภาคส่วน เช่น การค้า การศึกษา การเงิน และการท่องเที่ยว โดยจีนยังแสดงการสนับสนุนโครงการคลองฟูนันเตโช ซึ่งบริษัทไชน่า คอมมิวนิเคชั่นส์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (China Communications Construction Company หรือ CCCC) ได้ลงนามข้อตกลงการลงทุนในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) มูลค่า 1.156 พันล้านดอลลาร์
ฮุน มาแนต ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างที่ว่าการลงทุนของจีนจะทำให้กัมพูชาสูญเสียเอกราชและอธิปไตย โดยชี้ให้เห็นว่าบริษัทจีนดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในอาเซียน และแม้แต่สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ เขายังโต้คำวิจารณ์ที่ว่ากัมพูชาพึ่งพาการลงทุนจากจีนมากเกินไป โดยอ้างตัวเลขการลงทุนของจีนในปี 2566 ว่า จีนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และลงทุนในอาเซียนมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสิงคโปร์ได้รับการลงทุนจากจีนมากที่สุดในภูมิภาคนี้ คิดเป็น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กัมพูชาอยู่อันดับที่ 8 ด้วยมูลค่าเพียง 300 ล้านดอลลาร์
ฮุน มาแนต ยังเน้นย้ำด้วยว่า กัมพูชาไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่เลือกที่จะร่วมมือกับทั้งสองฝ่ายเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ "กัมพูชาเลือกทั้งสองประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะแข็งแรง นี่คือทางเลือกของรัฐบาล และกัมพูชามีเอกราชและอำนาจอธิปไตยในการตัดสินใจของตนเอง ไม่มีใครกดดันเราได้"
"เราเป็นมิตรกับทุกประเทศ ไม่มีประเทศใดเป็นศัตรู" เขากล่าวเสริม
นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า กัมพูชาจะทำงานอย่างหนักในการเจรจาประเด็นภาษีกับสหรัฐฯ ภายในช่วงของการผ่อนผันชั่วคราว 90 วัน
ทั้งนี้ กัมพูชาเผชิญกับกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ในอัตรา 49% ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน โดยหนึ่งวันก่อนที่ประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้จัดการประชุมทางไกลกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เพื่อหารือแนวทางในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นว่าจะรักษาการเจรจาอย่างเปิดเผยและดำเนินการเจรจาต่อไป