ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (17 เม.ย.) โดยเตือนว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจขยายตัวในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และการที่ BOK ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันนี้ มีเป้าหมายที่จะพยุงค่าเงินวอน
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า การตัดสินใจในวันนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้ BOK สามารถประเมินการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
BOK ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อและภาวะด้านการค้าที่ย่ำแย่ลง ด้วยเหตุนี้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2568 จึงมีแนวโน้มที่จะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.พ.ที่ระดับ 1.5%
นอกจากนี้ BOK ระบุว่า คณะกรรมการ BOK จำเป็นต้องระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งความเป็นไปได้ที่หนี้สินครัวเรือนจะเพิ่มสูงขึ้นภายใต้ภาวะการเงินที่ผ่อนคลาย อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ BOK จะยังคงรักษา "จุดยืนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย" ต่อไป โดยช่วงเวลาและจังหวะของการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคตนั้น จะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้านนโยบายทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ทางด้าน รี ชาง ยอง ผู้ว่าการ BOK กล่าวว่า นโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทำให้เกาหลีใต้เผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างฉับพลัน และ BOK เลือกแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบไม่รีบร้อนและรอจนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนมากขึ้น
คณะกรรมการ BOK มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินวอน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ BOK ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2567
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า BOK อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 29 พ.ค. หลังจากมีการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ