กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ในอัตรา 25% เนื่องจากภาษีดังกล่าวจะทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลงและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์เรียกร้องผ่านทางจดหมายที่ยื่นต่อคณะบริหารของปธน.ทรัมป์เมื่อวานนี้ (22 เม.ย.)
จดหมายดังกล่าวลงนามโดยพันธมิตรเพื่อการนวัตกรรมยานยนต์ (Alliance for Automotive Innovation) ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าที่เป็นตัวแทนของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เกือบทั้งหมด, สภานโยบายยานยนต์แห่งอเมริกา (American Automotive Policy Council), ตัวแทนจากผู้ผลิตรถยนต์ในดีทรอยต์ทั้ง 3 แห่ง, สมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์แห่งชาติ (National Automobile Dealers Association) ตลอดจนสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ (MEMA) และกลุ่มอื่น ๆ โดยจดหมายฉบับนี้ถูกส่งไปถึง เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ
เนื้อความในจดหมายระบุว่า ภาษีชิ้นส่วนรถยนต์จะสร้างความปั่นป่วนให้กับห่วงโซ่อุปทานยานยนต์โลก และทำให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโน ซึ่งจะส่งผลให้ราคารถยนต์ปรับตัวสูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค อีกทั้งยังทำให้ยอดขายของตัวแทนจำหน่ายปรับตัวลดลง และทำให้การบริการและซ่อมแซมยานพาหนะมีราคาแพงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ จดหมายยังระบุว่า ซัพพลายเออร์รถยนต์ส่วนใหญ่ไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะรับมือกับภาวะหยุดชะงักที่เกิดจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากร โดยขณะนี้ซัพพลายเออร์หลายรายมีความเดือดร้อนอยู่แล้ว และกำลังเผชิญกับการระงับการผลิต การเลิกจ้าง และการล้มละลาย ทั้งนี้ หากมีซัพพลายเออร์ล้มละลายเพียงรายเดียวก็อาจส่งผลให้สายการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์รายใดรายหนึ่งต้องปิดตัวลง