สำนักข่าวซินหัวรายงานในวันนี้ (26 เม.ย.) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนให้คำมั่นว่าจะพึ่งพาตนเองและเสริมความแข็งแกร่งด้วยตัวเอง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีน ขณะที่จีนกำลังแข่งขันกับสหรัฐฯ เพื่อครองความเป็นผู้นำในด้าน AI ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ
สีกล่าวระหว่างการประชุมของกรมการเมือง (โปลิตบูโร) เมื่อวันศุกร์ว่า จีนควรใช้ประโยชน์จากระบบระดับชาติแบบใหม่ เพื่อเร่งพัฒนา AI โดยจีนต้องตระหนักถึงช่องว่างที่มีอยู่ และเร่งพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี การพัฒนาอุตสาหกรรม และการประยุกต์ใช้ AI อย่างรอบด้าน พร้อมระบุว่า รัฐบาลจีนจะสนับสนุนด้านนโยบาย เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโดยภาครัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา งานวิจัย และการพัฒนาบุคลากร
สีระบุเพิ่มเติมว่า จีนต้องเดินหน้าส่งเสริมการวิจัยขั้นพื้นฐาน มุ่งมั่นครอบครองเทคโนโลยีหลัก เช่น ชิปขั้นสูงและซอฟต์แวร์พื้นฐาน และสร้างระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ด้าน AI ที่เป็นอิสระ ควบคุมได้ และร่วมมือกันได้
นอกจากนี้ สียังเน้นย้ำว่า จีนควรเร่งออกกฎระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับ AI เพื่อสร้างระบบเตือนภัยและตอบสนองฉุกเฉิน เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และสามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ สีเคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วว่า AI ไม่ควรเป็นเกมของประเทศร่ำรวยและคนร่ำรวย พร้อมเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลและความร่วมมือระหว่างประเทศในด้าน AI มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญบางรายระบุว่า จีนสามารถลดช่องว่างด้านการพัฒนา AI กับสหรัฐฯ ลงได้ โดย DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปของจีนได้รับความสนใจจากทั่วโลกเมื่อต้นปีนี้ หลังเปิดตัวโมเดล AI ด้านการให้เหตุผล (reasoning model) ซึ่งพัฒนาด้วยชิปที่ไม่ทันสมัยเท่าสหรัฐฯ และใช้ต้นทุนต่ำกว่าโมเดลจากชาติตะวันตก
การประกาศของ DeepSeek ท้าทายความเชื่อที่ว่า สหรัฐฯ สามารถชะลอการพัฒนา AI ของจีนได้ด้วยมาตรการคว่ำบาตร และทำให้จีนล้าหลัง หลังจาก OpenAI เปิดตัว ChatGPT ในช่วงปลายปี 2565