บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ "ถือ" หุ้นธนาคารกรุงเทพ [BBL] ราคาเป้าหมาย 170 บาท หลังรายงานกำไรสุทธิ Q1/68 อยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท (+21% QoQ, +20% YoY) สูงกว่าประมาณการของเรา และ consensus 11% เพราะกำไรจากการลงทุนที่แข็งแกร่ง
แต่โดยรวมแล้ว ผลการดำเนินงานแสดงสัญญาณความเปราะบางจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1.) NIM ที่ลดลงกดดันให้ NII ลดลง 2.) คุณภาพสินทรัพย์ที่ผันผวนมากขึ้นจากภาคการผลิตอุตสาหกรรม 3.) ค่าเงินรูเปียะของอินโดนีเซียที่อ่อนไหวทำให้เกิดผลขาดทุนจากการแปลงสกุลเงิน ซึ่งบีบให้ธนาคารต้องบันทึกกำไรจากการค้าหลักทรัพย์เพื่อมาชดเชยความอ่อนไหวในส่วนนี้ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปราะบางอาจจะทำให้การดำเนินงานของ BBL อ่อนไหวมากกว่าธนาคารอื่น
บล.กสิกรไทย มองว่า BBL รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากกำไรจากการลงทุนที่สูงกว่าคาด ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยลดลงจาก NIM ที่อ่อนแอ เป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง แม้ PPOP จะต่ำกว่าคาด แต่ค่าธรรมเนียมและ Non-NII ยังแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อัตราหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 3.6% และ coverage ratio ลดลง ทำให้แม้จะมีกำไรโดดเด่น แต่ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังเป็นประเด็นที่ติดตาม
ขณะที่ บล.ทรีนิตี้ แนะ "ซื้อ" BBL มองกำไร Q1/68 ที่ 12,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสก่อน และ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าคาดการณ์ 11% ได้แรงหนุนจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เติบโต 27% จากกำไรการลงทุนในตราสารหนี้ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 8% จากผลิตภัณฑ์ประกันและกองทุนรวม ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง 13% ตามฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 6% จากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และการชำระคืนสินเชื่อหมุนเวียน ทำให้ NIM ลดลง 27 bps ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้เพิ่ม 19% เพื่อรองรับความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ และ NPL เพิ่มจาก 2.7% เป็น 3.0% จากลูกหนี้ปรับโครงสร้างที่กลับมาเป็น NPL แต่มีการตั้งสำรองไว้แล้ว คาดกำไรทั้งปี 68 ที่ 46,791 ล้านบาท โต 3% จากปีก่อน ด้วยราคาหุ้นที่ PBV 0.5 เท่า ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย 185 บาท (PBV 0.62 เท่า) และปันผล H2/67 ที่ 6.5 บาท (Residual Dividend Yield 4.4%, Annual Dividend Yield 6%)