ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (17 เม.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 33,987.01 จุด เพิ่มขึ้น 66.61 จุด หรือ +0.20% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 21,066.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.83 จุด หรือ +0.05% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 3,261.72 จุด ลดลง 14.28 จุด หรือ -0.43%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.27% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.54%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดบวกเล็กน้อย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจาการค้ากับญี่ปุ่นมีความคืบหน้าอย่างมาก โดยการเจรจาระหว่างสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะหลีกเลี่ยงมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงขึ้น
ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.75% ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินวอน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยคณะกรรมการ BOK ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยแม้ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศอ่อนแอลงก็ตาม
การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยมีขึ้นในช่วงเวลาที่สกุลเงินวอนมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเงินวอนเผชิญกับการผันผวนนับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าทุกประเทศ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างก็เปิดในแดนบวก สวนทางกับสวนทางกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเกือบ 700 จุดในวันพุธ (16 เม.ย.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เตือนว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร
พาวเวลกล่าวในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) เมื่อวานนี้ว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด โดยภารกิจดังกล่าวคือการทำให้การจ้างงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%