ดาวโจนส์ร่วงกว่า 500 จุด หุ้น "ยูไนเต็ดเฮลธ์" ฉุดตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 17, 2025 21:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 500 จุดในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ บริษัทแม่ของยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการทำสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) เนื่องในวัน Good Friday

ณ เวลา 20.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,132.86 จุด ลบ 536.53 จุด หรือ 1.35%

ราคาหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ทรุดตัวลงกว่า 18% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2568

ขณะเดียวกัน ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง

นอกจากนี้ นายพาวเวลระบุว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรดังกล่าว ทำให้เฟดตกที่นั่งลำบากระหว่างการใช้นโยบายควบคุมเงินเฟ้อและการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดจะรอความชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับจุดยืนด้านนโยบาย

ทั้งนี้ ภารกิจหลักสองประการของเฟดคือการรักษาเสถียรภาพของราคา และการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทั้งสองประการของเฟด

"เราอาจพบว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ท้าทายที่พบว่าเป้าหมายทั้งสองประการของเราต่างได้รับผลกระทบ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และการขยายตัวจะลดลง แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเฟดจะให้ความสำคัญต่อเป้าหมายในด้านใดมากกว่า" นายพาวเวลกล่าววานนี้ในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago)

นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่ระบุว่าเฟดจะรอความชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับจุดยืนด้านนโยบาย

นายพาวเวลตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขเงินเฟ้อระยะใกล้ทั้งจากการสำรวจและจากการอ้างอิงในตลาดต่างก็กำลังปรับตัวขึ้น แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะยาวยังคงอยู่ใกล้กับเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอลงในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งในปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ