สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (14 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักของโลก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีคำสั่งเกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.34% แตะที่ระดับ 99.68
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบเยน โดยอ่อนค่าลง 0.67% แตะ 143.04 เยน ขณะที่เงินยูโรแข็งค่า 0.31% มาอยู่ที่ 1.1352 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่า 0.76% มาอยู่ที่ 1.3191 ดอลลาร์
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงผันผวน โดยเฉพาะจากการที่ทรัมป์ออกคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้า หลังจากนั้นก็ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอย่างกะทันหัน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตอนนี้ตลาดกำลังซื้อขายกันอย่างระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอน และสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์จากฝั่งสหรัฐฯ ก็ยิ่งเพิ่มความสับสนให้กับนักลงทุน ทำให้นักลงทุนพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากดอลลาร์ โดยโยกเงินไปที่สกุลเงินอื่น ๆ
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ในสัปดาห์นี้ และจะมีความยืดหยุ่นกับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวเพิ่งประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่นำเข้าจากจีนเป็นหลัก แต่ทรัมป์ก็กล่าวว่า การยกเว้นนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
ญี่ปุ่นกำลังเตรียมเปิดเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเรื่องนโยบายค่าเงิน โดยเจ้าหน้าที่บางคนในญี่ปุ่นกังวลว่า สหรัฐฯ อาจเรียกร้องให้ญี่ปุ่นสนับสนุนการแข็งค่าของเงินเยน
เรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจญี่ปุ่นกล่าวว่า ประเด็นเรื่องค่าเงินจะถูกหารือกันระหว่าง คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น และ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ