ราคาทองฟิวเจอร์ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ (14 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีตอบโต้สินค้าบางประเภท เช่น สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนภาษียังคงทำให้ราคาทองคำยังคงยืนเหนือระดับสำคัญที่ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
ณ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 16.10 ดอลลาร์ หรือ 0.50% สู่ระดับ 3,228.50 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเชื่อมั่นในตลาดดีขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเว้นภาษีนำเข้าสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองปรับตัวลงบางส่วนจากแรงขายทำกำไร
ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และด้านเศรษฐกิจ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการจากจีน อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ภายในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ระบุเสริมว่า การปรับตัวลงของราคาทองคำอาจเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังดูห่างไกลจากความเป็นจริง และมาตรการภาษีการค้ายังเป็นอุปสรรคอย่างมาก ซึ่งจะยังคงหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงก็ยิ่งเพิ่มแรงหนุนให้กับราคาทองคำด้วย
ทั้งนี้ ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ทำให้ทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนต่างชาติ
ราคาทองคำยังคงพุ่งแรงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นกว่า 23% แล้วในปีนี้ และทะลุระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยสนับสนุนหลักได้แก่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากแผนภาษีของทรัมป์, การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง และกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ทองคำ
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในช่วงสิ้นปีเป็น 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ มีความต้องการทองคำที่สูงเกินคาด และความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้มีเงินทุนไหลเข้า ETF ทองคำมากขึ้น