ทองคำซึ่งเก็บไว้ในคลังที่นิวยอร์กกำลังถูกส่งกลับไปยังประเทศต้นทางอย่างสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเว้นทองคำจากการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) โดยนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว บรรดาเทรดเดอร์พากันเร่งขนทองคำจากสวิตเซอร์แลนด์ไปเก็บไว้ในคลังที่นิวยอร์ก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นวงกว้างซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าทองคำ
ก่อนหน้านี้ ทองคำ โลหะเงิน และพลาตินัม มูลค่ารวมกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ถูกส่งจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังคลังของ COMEX (Commodity Exchange) ในช่วงเดือนธ.ค. 2567 จนถึงเดือนมี.ค. 2568 ทำให้บริษัทโลจิสติกส์และโรงหลอมโลหะมีค่าในสวิตเซอร์แลนด์มีงานชุกกว่าปกติ แต่ความเร่งด่วนในการขนส่งทองคำและโลหะเงินไปยังนิวยอร์กเริ่มชะลอลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลทรัมป์ยกเว้นโลหะเหล่านี้จากการถูกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้
ในทางกลับกัน การขนส่งโลหะทั้งสองประเภทกำลังค่อย ๆ ย้อนกลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการหลอมทองคำและขนส่งทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยข้อมูลจาก COMEX เผยให้เห็นว่า มีทองคำไหลออกจากคลังในสหรัฐฯ เป็นเวลา 8 วันติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน เนื่องจากค่าพรีเมียมของสัญญาทองคำในสหรัฐฯ ลดลงหลังจากมีการเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่ โดยคลังสินค้าเหล่านี้ได้รับอนุมัติจาก COMEX ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CME Group และเป็นผู้บริหารตลาดทองคำ COMEX
นอกจากนี้ ปริมาณทองคำในสต็อกของ COMEX ลดลง 1.5 ล้านออนซ์ คิดเป็นมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 43.6 ล้านออนซ์ (1,357 เมตริกตัน) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 45.1 ล้านออนซ์เมื่อวันที่ 4 เม.ย.
ส่วนข้อมูลที่สำนักงานศุลกากรของสวิตเซอร์แลนด์เผยแพร่ในพฤหัสบดี (17 เม.ย.) แสดงให้เห็นว่า สวิตเซอร์แลนด์นำเข้าทองคำจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 25.5 เมตริกตันในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน จากระดับ 12.1 ตันในเดือนก.พ. ขณะที่การส่งออกทองคำจากสวิตเซอร์แลนด์ไปยังสหรัฐฯ ลดลง 32% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แตะที่ระดับ 103.2 ตัน