อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน เปิดเผยในวันนี้ (18 เม.ย.) ว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมาและกลุ่มต่อต้านหลักได้ส่งสัญญาณเห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาหยุดยิง เพื่อเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถดำเนินต่อไปได้ หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงในเมียนมา
นายกฯ อันวาร์ได้เปิดเผยผลการหารือที่ดำเนินมาตั้งแต่วันพฤหัสบดี (17 เม.ย.) กับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) หรือรัฐบาลเงา
"จะต้องมีการหยุดยิงและหลีกเลี่ยงการยั่วยุที่ไม่จำเป็น มิเช่นนั้น ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมทั้งหมดอาจประสบความล้มเหลว" นายกฯ อันวาร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ กรุงเทพฯ พร้อมกับยืนยันว่าการหารือเบื้องต้นกับทั้งสองฝ่ายถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี
"ภารกิจเร่งด่วนของเราคือการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งจำเป็นต้องมีการหยุดยิง และต้องมีการรับประกันความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม" นายกฯ อันวาร์เน้นย้ำ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 20 วัน เมื่อวันที่ 2 เม.ย. หลังจากที่ NUG ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้าน ได้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันไปก่อนแล้ว สืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่า 3,600 รายในเมียนมา
อย่างไรก็ตาม รายงานจากสหประชาชาติและกลุ่มสังเกตการณ์อื่น ๆ ในเมียนมาระบุว่า กองทัพยังคงปฏิบัติการทางทหารในบางพื้นที่ของเมียนมา ประเทศซึ่งเผชิญกับภาวะสงครามกลางเมืองนับตั้งแต่การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2564
ทั้งนี้ กลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ชาติได้ลดระดับการมีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาผู้นำระดับสูงของรัฐบาลทหารเมียนมานับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร โดยได้กีดกันนายพลผู้มีอำนาจของเมียนมาออกจากการประชุมระดับสูงต่าง ๆ ของกลุ่ม เนื่องจากความล้มเหลวในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ซึ่งเป็นแผนสันติภาพของอาเซียน
"จุดยืนของอาเซียนคือ เราควรเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพื่อผลักดันให้ทุกฝ่าย [ในเมียนมา] บรรลุข้อตกลงบนพื้นฐานของฉันทามติ 5 ข้อ" นายกฯ อันวาร์กล่าว "ผมได้ปรึกษาหารือกับบรรดาผู้นำอาเซียนแล้ว และจะเดินหน้าพูดคุยกับฝ่ายต่าง ๆ ต่อไป"
นายกฯ อันวาร์กล่าวถึงการหารือกับรัฐบาลเงา NUG ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มไปในการรัฐประหารว่า เขาได้สื่อสารไปว่า อาเซียนจะยังคงเปิดช่องทางการเจรจากับทั้ง NUG และรัฐบาลทหาร ควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง