ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ (15 เม.ย.) ท่ามกลางความไม่แน่นอนของแผนการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งอาจจุดชนวนสงครามการค้าให้รุนแรงยิ่งขึ้น และฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ณ เวลา 18.53 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ หรือ +0.29% สู่ระดับ 3235.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ทองคำ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และด้านเศรษฐกิจ ยังคงรักษาทิศทางขาขึ้นจากปีที่แล้ว โดยทะยานขึ้นมากว่า 23% แล้วในปีนี้ และทะลุระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 เม.ย.)
เฟเดอรัล เรจิสเตอร์ (Federal Register) ซึ่งเป็นประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ประกาศเมื่อวานนี้ (14 เม.ย.) ว่า รัฐบาลทรัมป์ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนการนำเข้ายาและเซมิคอนดักเตอร์แล้ว เพื่อหาทางใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าทั้งสองประเภทนี้
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (13 เม.ย.) ว่า เขาจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ภายในสัปดาห์นี้ โดยอาจมีการยืดหยุ่นให้กับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้
ทางด้าน ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ได้กล่าวเมื่อวันจันทร์ (14 เม.ย.) ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอยู่ใน "ภาวะหยุดชะงักครั้งใหญ่" (big pause) อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีและนโยบายอื่น ๆ โดยบอสติกเสนอว่าธนาคารกลางควรรอดูสถานการณ์ต่อไป จนกว่าภาพต่าง ๆ จะชัดเจนขึ้น
ขณะนี้ บรรดาเทรดเดอร์ในตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.83% ภายในปีนี้ โดยทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย มักจะได้รับอานิสงส์ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสภาทองคำโลกชี้ว่า การลงทุนในกองทุน ETF ทองคำที่อ้างอิงกับทองคำจริงในประเทศจีน เฉพาะในช่วงเดือนนี้ ได้พุ่งสูงแซงหน้ายอดรวมของทั้งไตรมาสแรกไปแล้ว และยังสูงกว่าเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ากองทุนประเภทเดียวกันที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ อีกด้วย