สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,300 ดอลลาร์ในวันพุธ (16 เม.ย.) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 106 ดอลลาร์ หรือ 3.27% ปิดที่ 3,346.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จากบริษัท FXTM กล่าวว่า ราคาทองคำได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอยอันเนื่องมาจากสงครามการค้า และการที่ราคาทองคำสามารถพุ่งขึ้นทะลุระดับทางจิตวิทยาที่ 3,300 ดอลลาร์ได้นั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าราคาอาจจะทะยานขึ้นไปจนถึงระดับ 3,400 - 3,500 ดอลลาร์
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 เม.ย.) เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 145%
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวในงานเสวนาว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งชิคาโก (Economic Club of Chicago) เมื่อวานนี้ว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินคาดนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจ Dual Mandate ของเฟด โดยภารกิจดังกล่าวคือการทำให้การจ้างงานขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.83% สู่ระดับ 99.385 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาด เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ